ปัจจุบันประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของน้ำที่กักเก็บในถังจะมีสารกัมมันตรังสีอื่นที่นอกเหนือไปจากสารทริเทียมหลงเหลืออยู่ในระดับที่เกินมาตรฐานการควบคุม เนื่องจากในช่วงระยะเวลาหนึ่งหลังเกิดอุบัติเหตุ มีการดำเนินการโดยให้ความสำคัญกับปริมาณการบำบัดน้ำที่ถูกกักเก็บไว้เพื่อจะได้ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่นอกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างรวดเร็วแต่ในกระบวนการบำบัดจริงนั้น จะทำการบำบัดซ้ำจนกว่าสารกัมมันตรังสีเหล่านี้จะมีค่าอยู่ภายใต้มาตรฐานการควบคุมอย่างไรก็ตาม แม้จะทำการบำบัดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถกำจัดสารทริเทียมออกได้ การทำให้เจือจางลงอย่างมากด้วยน้ำทะเลจะทำให้สารกัมมันตรังสีต่าง ๆ เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุม ซึ่งรวมถึงสารทริเทียมด้วย การบำบัดนี้จะเจือจางสารกัมมันตรังสีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สารทริเทียมลงไปอีก จึงสามารถรับรองได้ว่าจะปลอดภัยยิ่งขึ้น

*ตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 บริษัท TEPCO ได้ทำการทดสอบเพื่อยืนยันประสิทธิภาพในการบำบัดขั้นที่สองของน้ำที่บำบัดด้วยอุปกรณ์กำจัดนิวไคลด์ต่าง ๆ และอุปกรณ์อื่น ๆ ผลการทดสอบนี้ยืนยันว่าสารกัมมันตรังสีระหว่างก่อนและหลังการบำบัดขั้นที่สองมีความเข้มข้นลดลง และอัตราความเข้มข้นรวมตามที่กำหนดไว้ในประกาศสำหรับนิวไคลด์ที่ไม่ใช่สารทริเทียมสามารถลดลงเหลือต่ำกว่า 1 ได้ (อัตราความเข้มข้นรวมตามที่กำหนดไว้ในประกาศสำหรับนิวไคลด์ที่ต้องการกำจัด (62 ชนิด) + คาร์บอน-14 : กลุ่ม J1-C; ก่อนการบำบัด 2,406 → หลังการบำบัด 0.35)

อ้างอิง
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม : “มาทำความรู้จักและคิดเรื่องน้ำที่บำบัดด้วยระบบ ALPS กัน”(ภาษาอังกฤษ)